บาคาร่า เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ ที่มาแรงในตอนนี้
เว็บบาคาร่าออนไลน์ที่ดีที่สุด ครบครันทุกการเดิมพัน หลากหลายเกมสนุกให้เลือกมากกว่า 2000 เกม สล็อต บาคาร่า หวย มวย บอล และเกมส์อื่นๆอีกมากมายสามารถเดิมพันขั้นต่ำที่ 1 บาทเล่นเท่าไหร่จ่ายไม่อั้นโดยที่ต้องกังวลเรื่องโดนโกง แน่นอนว่าเว็บของเราเป็นเว็บตรงที่ได้มาตรฐานมั่นคงปลอดภัยให้อัตราการจ่ายที่มากกว่าที่อื่นอย่างแน่นอนห้ามพลาดสล็อตแตกง่ายแตกดีพร้อมเปิดประสบการณ์ให้เหล่าสมาชิกของเราได้มาล่าแจ็คพอตมากมายโปรโมชั่นดีๆรอท่านเพียบ เว็บพนันที่ดีที่สุด ปลอดภัย 100%
บาคาร่าคืออะไร?
บาคาร่า หรือบาคะรา (Baccarat) คือเกมไพ่ยอดนิยมอันดับ 1 ในคาสิโน ออนไลน์ทั่วโลก เป็นเกมพนันที่ใช้ไพ่ในการเล่นเป็นหลัก กติกา และวิธีการเล่น สามารถเข้าใจได้ในระยะเวลาสั้น ๆ เล่นสนุก ได้เงินง่าย สำหรับผู้เริ่มต้น และตัวเกมมีเทคนิคการเล่นลึกซึ้งสำหรับผู้เล่นมืออาชีพ ทำให้เป็นเกมพนัน ในดวงใจ ทั้ง สำหรับมือใหม่ และมือเก๋า
กติกาและวิธีการเดิมพันบาคาร่า
ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นเล่นบาคาร่าออนไลน์นั้น ควรจะต้องศึกษากติกาบาคาร่าให้เข้าใจเสียก่อน โดยหลัก ๆ ประกอบไปด้วย
- ขั้นตอนการเล่น ใน 1 ตา ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง มีลำดับอย่างไร
- การนับแต้มไพ่ นับแต้มอย่างไร
- กติกาการจั่วไพ่ใบที่ 3 เมื่อไหร่ที่เกมชนะ และเมื่อไหร่ที่แต่ละฝั่งได้จั่วไพ่เพิ่มอีก 1 ใบ
- ตัวเลือกการเดิมพัน รู้จักแบงค์เกอร์ เพลเยอร์ และช่องเดิมพันอื่น ๆ
ใน 1 ตาของบาคาร่า ประกอบด้วยอะไรบ้าง?
- ดีลเลอร์จะทำการแจกไพ่ให้ทั้งสองฝ่ายทีละใบ เริ่มที่ฝั่งเพลเยอร์ จนครบ 2 ใบทั้งสองฝั่ง
- เมื่อแจกไพ่ครบ 2 ใบแล้ว ดีลเลอร์จะทำการหงายไพ่ทั้งสองฝั่ง
- มือที่มีแต้มสูงใกล้ 8 หรือ 9 มากกว่าจะเป็นฝ่ายชนะ (กรณีป๊อก 8/9 จะชนะแทนที เรียกว่าเนเชอรัลในบาคาร่า) ในกรณีที่เราเดิมพันฝั่งที่ชนะ ก็จะได้รับเงินรางวัลทันที
- หากแต้มไพ่ได้ต่ำกว่านั้น จะมีการแจกไพ่ใบที่ 3 ซึ่งเป็นส่วนสำคัญ อย่างมากในการเล่นบาคาร่า
วิธีการนับแต้มบาคาร่า
ในบาคาร่า การนับแต้มไพ่ (Card Values) ในเกมบาคาร่านั้นเข้าใจได้ง่ายมาก โดยนับแต้มคล้ายๆกับป๊อกเด้ง มีรายละเอียดดังนี้
A มีค่าเท่ากับ 1 และ ไพ่ตัวอักษรภาษาอังกฤษและ 10 (J,Q,K,10) มีค่า เท่ากับ 0 ส่วนไพ่ตัวเลขที่เหลือ ให้นับแต้มตามหน้าไพ่
ตัวอย่างการนับแต้มไพ่ในบาคาร่า
เพลเยอร์ (Player) ได้ไพ่ J และ 6 = ได้ 6 แต้ม
เจ้ามือ (Banker) ได้ไพ่ 7 และ 10 = ได้ 7 แต้ม
“กรณีนี้ผู้เล่นที่วางเดิมพัน ฝั่งแบงค์เกอร์ ( Banker ) จะชนะ และได้เงินรางวัลไป เพราะมีแต้มมากกว่านั่นเอง” ตามกติกาการจั่วไพ่ใบที่ 3 แบงค์เกอร์ได้ 7 ทำให้ฝ่ายเพลเยอร์ไม่ได้จั่วต่อ
* กรณีที่ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง มีไพ่ 2 ใบแรก รวมแต้มกันแล้วได้ 8 หรือ 9 แต้ม เกมจะหยุดทันที และดูว่าไพ่ฝั่งไหนที่มีแต้มมากกว่าจะชนะในเกมนั้นทันที
** ในกรณีที่ทั้ง 2 ฝั่งมีแต้มเท่ากัน = เสมอ หรือผลลัพธ์เป็น TIE เกม
กติกาและข้อควรรู้เกี่ยวกับการจั่วไพ่ใบที่ 3
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการจั่วไพ่ใบที่ 3
การจั่วไพ่ใบที่สามฝั่งผู้เล่น (Player)
ถ้าระหว่างฝั่งเพลเยอร์ หรือแบงค์เกอร์ ฝั่งใดฝั่งหนึ่งจั่วไพ่ 2 ใบ ที่มีผลรวมเป็น 8/9 (ป๊อก) ทั้งสองฝั่งจะอยู่ทันที ตรงนี้เราจะเรียก ว่ากฏชนะเนเชอรัล ซึ่งเป็นกติกาสูงสุด (Natural Rule)
- ฝั่งผู้เล่นหรือเพลเยอร์ ต้องจั่วไพ่ใบที่ 3 ทันที หากผลรวมของ ไพ่สองใบแรกมีแต้มรวมเท่ากับ 5 หรือน้อยกว่า (0-5)
- ฝั่งผู้เล่นจะอยู่ เมื่อผลรวมไพ่สองใบแรกเท่ากับ 6 หรือ 7
หากเพลเยอร์หรือฝั่งผู้เล่นไม่ได้จั่วไพ่ใบที่ 3
- ฝั่งเจ้ามือจะอยู่ได้เฉพาะกรณีมีแต้มเท่ากับ หรือมากกว่า 6
- และจั่วไพ่ใบที่ 3 หากมีแต้มรวมจากไพ่สองใบเท่ากับ 5 หรือน้อยกว่า
- การเรียกไพ่ใบที่ 3 ฝั่ง แบงเกอร์การเรียกไพ่ใบที่ 3 ฝั่งผู้เล่นในเกมบาคาร่า
ถัดมา ในกรณีที่ฝั่งเพลเยอร์ทำการจั่วไพ่ใบที่ 3 เกมจะดำเนินการต่อ ตามกติกาแบงเกอร์ด้านล่าง อธิบายให้เห็นภาพ อาจยกตัวอย่างดังนี้
- เพลเยอร์จั่วได้ 5 กับ Q ดังนั้นมีแต้มเท่ากับ 5 จึงต้องเปิดไพ่ใบที่ 3 เพิ่ม
- แบงค์เกอร์มีไพ่ในมือผลรวมเป็น 5 รอจั่วไพ่ใบที่ 3 เช่นกัน (ต้องรอผู้เล่นได้ไพ่เพิ่มก่อน)
- เพลเยอร์จั่วไพ่ใบที่ 3 ได้ 8 ตามกติกาในภาพด้านบน เมื่อแบงเกอร์มีแต้มในมือ 5 แต้ม เพลเยอร์จั่ว 8 ทำให้เราอยู่ทันที และไม่ต้องจั่วต่อ นอกจากนั้น ผลรวมของเพลเยอร์ลดลงเป็น 3 จากการจั่ว 8 ทำให้เราชนะทันที (5+8 = 13 เป็นแต้ม 3)
ในอีกกรณีหนึ่ง ถ้าเพลเยอร์จั่วได้ 1 หรือ 2 หรือ 3 ก็จะทำให้เราต้อง อยู่เช่นกัน แต่จะเป็นกรณีที่เราหรือแบงเกอร์แพ้เกมทันที เพราะผลรวม เพลเยอร์จะได้ 6,7,8 ซึ่งมากกว่า
ตัวเลือกการเดิมพันในเกมบาคาร่า และค่าคอมมิสชั่น
ในการเดิมพันบาคาร่าออนไลน์ บางครั้งจะแตกต่างกับคาสิโนทั่วไปเล็กน้อย คือมีตัวเลือกเดิมพันที่มากกว่า หลัก ๆแล้ว ผู้เล่นปกติ รวมไปถึงมืออาชีพ จะนิยมแทงแค่แดง กับน้ำเงินแบบปกติ หรือแทงเพลเยอร์ หรือแบงค์เกอร์นั่นเอง
ตัวเลือกการเดิมพันต่างๆของบาคาร่า ก็จะมีการจ่ายรางวัลแตกต่างกันออกไป และมีรายละเอียดดังนี้
- เดิมพัน เพลเยอร์ หรือน้ำเงิน จ่ายรางวัลเต็ม 1:1
- เดิมพัน แบงค์เกอร์ หรือแดง จ่ายรางวัล 0.95:1 โดยดีลเลอร์จะหัก 0.05% เป็นค่าคอมมิสชั่น
- เดิมพันเสมอ (TIE) ทั้งสองฝ่ายจบเกมแต้มเท่ากัน อัตราจ่าย 8 เท่า หรือ 8:1
- เดิมพัน เพลเยอร์/แบงค์เกอร์คู่ หรือ Pair คือการเดิมพันว่าไพ่ในมือฝั่งที่คุณเลือกแทงคู่ 2 ใบแรกจะเป็นไพ่หน้าเหมือนกัน เช่น 4/4 หรือ 8:8 อัตราจ่าย 11:1 หรือ 11 เท่า
- เดิมพันเพลเยอร์/แบงเกอร์ป๊อก (ภาษาอังกฤษจะเป็น Natural) ก็คือฝ่ายที่คุณเดิมพันจั่วไพ่ 2 ใบ แรก ได้เท่ากับ 8 หรือ 9 ก็คือป๊อกนั่นเอง มีอัตราจ่าย 7:2 แทง 100 จะได้ 350 บาท
- ลัคกี้ซิกซ์ (Lucky Six) เป็นการเล่นกับไพ่ฝั่งเจ้ามือเป็นหลัก คือเลือกเดิมพันว่าฝั่งแบงเกอร์จะชนะด้วยแต้ม 6 โดยมีอัตราจ่าย 12 เท่า หากชนะด้วยไพ่ 2 ใบแรก แต่จะจ่ายเงินสูงถึง 20 เท่า ในกรณีที่แบงเกอร์จั่วไพ่ใบที่ 3 และชนะด้วยผลรวม 6 แต้ม